วิธีล้างหน้าที่สาวๆควรหัดทำให้ชินเป็นประจำ
ก่อนที่จะเริ่มล้างหน้าก็ต้องเตรียมอุปกรณ์กันก่อนนะคะ ไม่ใช่ว่าแค่น้ำเปล่า หรือโฟมล้างหน้าเท่านั้นจะทำให้หน้าสะอาดได้นะคะ ถ้าใครแต่งหน้า หรือแค่มีครีมกันแดดปะอยู่บนหน้าแล้วล่ะก็ ควรล้างหน้าด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นตอนแรกคือการลบพวกเมกอัพถาวรออกไปก่อน
ด้วยการนำสำลีแผ่นชนิดรีดขอบชุบน้ำยากให้ชุ่มแล้วแปะไว้ที่บริเวณดวงตาและปาก 3-5 นาที
A : ก็เพราะว่า ส่วนผสมของเครื่องสำอางบางตัว ไม่สามารถทำความสะอาดได้เพียงแค่ส่วนผสมของน้ำมันน่ะสิ....การใช้ makeup remover ทำให้ขนตาไม่ร่วง ไม่หัก แล้วก็ช่วยถนอมผิวบริเวณรอบดวงตาไม่ให้ถูกเช็ดถูอย่างแรง จากการพยายามเยื้อมาสคาร่าออกจากขนตา.......ส่วนการใช้ makeup remover แปะที่ริมฝีปากในกรณีที่ทาลิปสีเข้มๆ ก็เพื่อ ช่วยให้เม็ดสีพิกเม้นท์ไม่ตกค้างที่บริเวณปากซึ่งจะมีผลทำให้ริมฝีปากคล้ำนั่นเองจ้า
ขั้นตอนที่ 2 จะเป็นการทำความสะอาดเครื่องสำอางประเภทครีม แป้ง และสิ่งตกค้างที่อาจอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิว ขั้นตอนนี้จะใช้ makeoff ประเภท cleasing balm / cleasing oil / cleasing milk แล้วแต่สภาพผิวและความชอบ นวดวนประมาณ 5-15 นาที ให้ไขมันจาก cleasing แตกตัวไปดึงให้สิ่งสกปรกลอยขึ้นมาจากผิว ถ้าเป็น cleansing oil บางยี่ห้อ จะใช้น้ำหยดลงไปให้ oil กลายเป็นสีน้ำนมแล้วนวด จะช่วยให้พวก makeup ออกง่ายขึ้นค่ะ ซึ่งการนวดในขั้นตอนนี้อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดสิวในกรณีสิวเสี้ยนบึ้มได้อีกด้วยจ้า....... ขั้นตอนที่ 2 นี้ต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดเยอะๆ ค่ะ ** ป้าโฮกสั่งให้มาเพิ่มเรืองการใช้ Cleansing Milk อีกนิดว่าให้นวดจากครีมสีขาวๆ ให้แตกตัวกลายเป็นน้ำมันใสๆ ก่อนอ่ะ เพราะสาวๆ ส่วนใหญ่ไม่นวดถึงจุดนั้น แล้วเช็ด หรือ ล้างหน้าต่อเลย ทำให้เครืองสำอางยังตกค้าง ไม่สะอาด อาจเป็นที่มาของการเป็นสิวอุดตัน จากนั้นก็ให้เช็ดด้วยกระดาษเช็ดหน้า หรือ เช็ดออกด้วยสำลี สปองชีท หรือ ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น แล้วค่อยล้างด้วยโฟมจ้า
ขั้นตอนที่ 2 จะเป็นการทำความสะอาดเครื่องสำอางประเภทครีม แป้ง และสิ่งตกค้างที่อาจอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิว ขั้นตอนนี้จะใช้ makeoff ประเภท cleasing balm / cleasing oil / cleasing milk แล้วแต่สภาพผิวและความชอบ นวดวนประมาณ 5-15 นาที ให้ไขมันจาก cleasing แตกตัวไปดึงให้สิ่งสกปรกลอยขึ้นมาจากผิว ถ้าเป็น cleansing oil บางยี่ห้อ จะใช้น้ำหยดลงไปให้ oil กลายเป็นสีน้ำนมแล้วนวด จะช่วยให้พวก makeup ออกง่ายขึ้นค่ะ ซึ่งการนวดในขั้นตอนนี้อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดสิวในกรณีสิวเสี้ยนบึ้มได้อีกด้วยจ้า....... ขั้นตอนที่ 2 นี้ต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดเยอะๆ ค่ะ ** ป้าโฮกสั่งให้มาเพิ่มเรืองการใช้ Cleansing Milk อีกนิดว่าให้นวดจากครีมสีขาวๆ ให้แตกตัวกลายเป็นน้ำมันใสๆ ก่อนอ่ะ เพราะสาวๆ ส่วนใหญ่ไม่นวดถึงจุดนั้น แล้วเช็ด หรือ ล้างหน้าต่อเลย ทำให้เครืองสำอางยังตกค้าง ไม่สะอาด อาจเป็นที่มาของการเป็นสิวอุดตัน จากนั้นก็ให้เช็ดด้วยกระดาษเช็ดหน้า หรือ เช็ดออกด้วยสำลี สปองชีท หรือ ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น แล้วค่อยล้างด้วยโฟมจ้า
ขั้นตอนที่ 3 คือการล้างทำความสะอาดทั่วไป เพื่อเพิ่มความสดชื่น และล้างคราบไขมันจากขั้นตอนที่ 2 ออก ในขั้นตอนนี้สามารถใช้ล้างเดี่ยวๆ ได้ในกรณีที่อยากล้างหน้าระหว่างวัน ร้อน ล้างคราบเหงื่อเท่านั้นค่ะ....
-อุปกรณ์ที่ใช้สามารถพบเจอได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันคือ สบู่ล้างหน้า ทั้งชนิดก้อน สบู่เหลว โฟม และเจล ก็เลือกกันไปตามสภาพผิวและความถนัด....
-เสร็จแล้วล้างน้ำเปล่าเยอะๆ ก่อนจบด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน ถ้าใครชอบโทนเนอร์ก็สามารถใช้ต่อจากขั้นตอนนี้เพื่อเตรียมผิวสู่ขั้นตอนดูแลผิวต่อไปได้เลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 จะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์พวกโทนเนอร์ "โทนเนอร์" มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผิวหน้าของเราดูดีขึ้นได้มากเลยทีเดียวล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราลองมาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าโทนเนอร์มีหน้าที่ทำอะไรได้บ้าง
โทนเนอร์ หรือโลชั่น เช็ดผิวนั้น จะใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาดผิวหน้า หน้าที่หลักของ โทนเนอร์ คือ ชำระทำความสะอาดสิ่งสกปรกในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้เราแน่ใจว่าผิวหน้าสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกตกค้างจริงๆ
(ลองสังเกตดูที่สำลีที่เราชุบโทนเนอร์แล้วนำมาเช็ดหน้าสิคะ จะมีคราบสกปรกติดอยู่ ทั้งๆ ที่เราก็ล้างหน้าแล้ว)
นอกจากนี้ โทนเนอร์ ยังช่วยปรับสมดุลของผิว ช่วยลดความมัน และ กระชับรูขุมขน ในคนที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวในคนที่มีผิวแห้งหลังการล้างหน้าด้วยค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของ โทนเนอร์ที่เราเลือกใช้ด้วยนะคะ
แล้วทำไมโทนเนอร์ถึงมีคุณสมบัติพิเศษกว่าน้ำที่เราใช้ล้างหน้า? ... ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า โทนเนอร์ ไม่ใช่แค่น้ำธรรมดา แต่เป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อให้สะอาดที่สุดเพื่อเหมาะใช้กับผิวหน้า เป็นน้ำสุดท้ายที่สะอาดที่สุด จึงเป็นที่มาว่าทำไมโทนเนอร์ จึงสามารถช่วยทำความสะอาดผิวได้ และเมื่อผิวหน้าสะอาดหมดจดแล้ว ไม่มีสิ่งอุดตันตรงรูขุมขนผิว ก็สามารถดูดซึมสารสำคัญในขั้นตอนบำรุงได้ดีขึ้นค่ะ
ส่วนวิธีการเลือกใช้โทนเนอร์นั้น ก็เพียงแค่เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเราค่ะ ... โดยทั่วไปโทนเนอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
-โทนเนอร์ ขจัดสิ่งสกปรก เช่น น้ำมันส่วนเกิน ฝุ่นละออง หรือ เมคอัพตกค้างที่คลีนเซอร์ล้างออกไม่หมด
-โทนเนอร์ บำรุงผิวซึ่งมีวิตามิน เกลือแร่ และสารบำรุงความชุ่มชื้นผิว
น้องๆ ที่มีผิวธรรมดา - ผิวผสม – ผิวมัน ... ควรเลือก โทนเนอร์ ที่ช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรก ลดการอุดตันรูขุมขน ต้นเหตุของการเกิดสิว
น้องๆ ที่มีผิวธรรมดา – ผิวแห้ง ... ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว มอบความชุ่มชื้นให้ผิว ปราศจากสิ่งสกปรกเวลาที่น้องๆ ใช้โทนเนอร์นั้น ควรใช้สำลีแบบแผ่นในการชุบโทนเนอร์เพื่อนำมาเช็ดหน้า เพราะจะอ่อนโยนกว่าการใช้ทิชชู่ (น้องๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้ทิชชูเช็ดหน้านะคะ) และ ควรเช็ดโทนเนอร์หลังล้างหน้าใหม่ๆ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
เวลาเช็ดหน้าควรเช็ดที่ละครึ่งหน้าเพื่อที่จะได้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงค่ะ
และอีกสิ่งสำคัญที่น้องๆ ควรคำนึงถึงก็คือ น้องๆ ควรจะทดสอบก่อนนะคะว่าเราแพ้โทนเนอร์นั้นรึเปล่า ซึ่งก็ทำได้โดยลองใช้โทนเนอร์เช็ดตรงท้องแขนก่อน ถ้าแพ้ก็จะเห็นผลทันที หรือ ถ้ายังไม่มั่นใจ ก็ให้ทดลองเช็ดโทนเนอร์ที่ท้องแขน เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ และ ลองสังเกตว่า ผิวตรงท้องแขนของเรามีรอยแดงแสบหรือเปล่า
เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำความสะอาดผิวแล้วล่ะค่ะ ... เห็นรึเปล่าล่ะคะว่า การทำความสะอาดผิวหน้าแบบถูกวิธีนั้นสำคัญแค่ไหน และถ้าน้องๆ อยากจะแน่ใจว่าเราทำความสะอาดผิดหน้าได้ถูกวิธีและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจริงๆ
ด้วยรักและห่วงใยจากเรา
http://fuco-beauty.webiz.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น