ฝ้า Melasma
ชนิดของฝ้า และ สาเหตุของ ฝ้า
ฝ้า Melasma คือ แผ่นสีน้ำตาลอ่อน หรือ น้ำตาลเข้ม บนใบหน้า มักพบได้ที่บริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง, หน้าผาก, จมูก, เหนือริมฝีปาก ฝ้า ที่เห็นนั้นเกิดจาก เซลล์สร้างเม็ดสี ในบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอ พบใน ผู้หญิง มากกว่า ผู้ชายและ พบมากในวัยกลางคนอายุประมาณ 30-40 ปี
ชนิดของ ฝ้า
ฝ้า แบ่งได้เป็น ๒ ชนิด ตามความลึกของการเกิด ฝ้า คือ ฝ้าแบบตื้นและ ฝ้าแบบลึก
ฝ้า แบ่งได้เป็น ๒ ชนิด ตามความลึกของการเกิด ฝ้า คือ ฝ้าแบบตื้นและ ฝ้าแบบลึก
ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) มักมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลขอบชัด เกิดได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้เร็ว นอกจากนี้ ฝ้า ชนิดนี้ยังรักษาโดยการใช้ ยาทาฝ้า อ่อนๆ และ ยากันแดด ก็สามารถลบเลือนให้หายได้
ฝ้าแบบลึก จะมีอาการผิดปกติ อยู่ในชั้นที่ลึกกว่าชนิดแรก โดยจะเกิด ฝ้า ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า จะเกิดความผิดปกติในระดับชั้นผิวหนังแท้ มีลักษณะเป็นสีม่วงๆ อมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด รักษาได้ยากกว่า ฝ้าชนิดตื้น และไม่ค่อยหายขาด การใช้ ยาทาฝ้า อ่อนๆ และ ยากันแดด เพียงแต่ช่วยให้ดีขึ้นเท่านั้น
บางคนก็เป็น ฝ้า ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรืออาจจะเป็นทั้ง ๒ ชนิดพร้อมกันก็ได้ ในการวินิจฉัยแยกชนิดของ ฝ้า ว่าเป็นชนิดใดนั้น ต้องได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือที่มีชื่อเรียกว่า Wood's lamp
ตำแหน่งที่พบ ฝ้า ได้บ่อย
ตำแหน่งที่พบ ฝ้า ได้บ่อย
ตำแหน่งที่พบ ฝ้า ได้บ่อย ได้แก่ บริเวณใบหน้าที่มีโอกาสสัมผัสกับแสงแดดมากๆ เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก จมูก เหนือคิ้ว และบริเวณเหนือริมฝีปาก ซึ่งมักเป็นทั้งด้านซ้ายและขวาของร่างกายอย่างสมมาตรกัน ในบางคนอาจพบรอยดำได้ บริเวณหัวนม รักแร้ ขาหนีบ หรืออวัยวะเพศร่วมด้วย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด ฝ้า
ฝ้า เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน มีผลทำให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีในชั้นผิวหนัง ปัจจัยเหล่านี้อาจได้แก่
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด ฝ้า
ฝ้า เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน มีผลทำให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีในชั้นผิวหนัง ปัจจัยเหล่านี้อาจได้แก่
1. แสงแดด เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด แสงอัลตราไวโอเลตทั้ง เอ และ รวมทั้งแสง visible light เป็นตัวกระตุ้นให้เกิด ฝ้า หรือ ทำให้ ฝ้า เป็นมากขึ้นได้ทั้งสิ้น
2. ฮอร์โมน ด้วยอิทธิพลของ ฮอร์โมน จะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย (เช่น การตั้งครรภ์, วัยหมดประจำเดือน) หรือได้รับ ฮอร์โมน จากภายนอกร่างกาย (เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด, การใช้ เครื่องสำอาง บางชนิดที่มี ฮอร์โมน ผสมอยู่) จึงมักพบผู้ที่เป็น ฝ้า ขณะตั้งครรภ์ หรือ รับประทานยาคุมกำเนิดได้บ่อย
3. ยา พบว่าผู้ที่รับประทานยากันชักบางชนิด มักเกิดผื่นดำคล้ายรอย ฝ้า ที่บริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิด ฝ้า
4. เครื่องสำอาง การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำแบบ ฝ้า ได้ ส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นพวกสารให้กลิ่นหอม หรือ สี
5. พันธุกรรม เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากมีรายงานว่าเป็นในครอบครัวได้ถึง ร้อยละ 30-50
6. ภาวะทุพโภชนาการ อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากพบผื่นแบบ ฝ้า ในผู้ที่มีหน้าที่การทำงานของตับผิดปกติ และ ผู้ที่ขาดวิตามิน บี 12 เป็น
2. ฮอร์โมน ด้วยอิทธิพลของ ฮอร์โมน จะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย (เช่น การตั้งครรภ์, วัยหมดประจำเดือน) หรือได้รับ ฮอร์โมน จากภายนอกร่างกาย (เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด, การใช้ เครื่องสำอาง บางชนิดที่มี ฮอร์โมน ผสมอยู่) จึงมักพบผู้ที่เป็น ฝ้า ขณะตั้งครรภ์ หรือ รับประทานยาคุมกำเนิดได้บ่อย
3. ยา พบว่าผู้ที่รับประทานยากันชักบางชนิด มักเกิดผื่นดำคล้ายรอย ฝ้า ที่บริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิด ฝ้า
4. เครื่องสำอาง การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำแบบ ฝ้า ได้ ส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นพวกสารให้กลิ่นหอม หรือ สี
5. พันธุกรรม เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากมีรายงานว่าเป็นในครอบครัวได้ถึง ร้อยละ 30-50
6. ภาวะทุพโภชนาการ อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากพบผื่นแบบ ฝ้า ในผู้ที่มีหน้าที่การทำงานของตับผิดปกติ และ ผู้ที่ขาดวิตามิน บี 12 เป็น
การรักษา ฝ้า
หลักการรักษาฝ้า มีดังนี้
1. พยายามหาสาเหตุ และแก้ไข หรือ หลีกเลี่ยงสาเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด ฝ้า เข้มขึ้น โดย
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ ครีมกันแดด ที่มีค่าป้องกัน (SPF) สูง
- หลีกเลี่ยงการได้รับ ฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด, เครื่องสำอาง ที่มีฮอร์โมนผสมอยู่ หรือมี สารสเตียรอยด์ เป็นส่วนผสม
2. ทำให้ ฝ้า จางลง โดยการใช้ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี โดยไม่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี
3. การขจัด ฝ้า Chemical Peeling, การเร่ง ผลัด เซลล์ผิว ด้วย AHA TRETMENT , dermabrasionและการใช้เครื่องมือ เช่น เลเซอร์ ในรายที่แพทย์เห็นสมควร เช่น การลอกฝ้า
หลายๆคน คงมีคำถามในใจ นะคะ ว่า ฝ้า รักษาหายได้หรือไม่ ?
คำตอบ ก็คือ ผลการรักษา ฝ้า ขึ้นกับ สาเหตุและชนิดของฝ้า ฝ้า ที่เกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด หรือ ยากันชัก ถ้าหยุดยา ฝ้า จะค่อย ๆ จางหายไป เช่นเดียวกับ ฝ้า ที่เกิดระหว่างตั้งครรภ์ แต่บางรายอาจหายไม่หมด เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิด ฝ้า ได้ ฝ้า ชนิดลึก จะรักษายากกว่า ฝ้า ชนิดตื้น การหลีกเลี่ยงแสงแดด ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ ฝ้า หายเร็วขึ้น
หลักการรักษาฝ้า มีดังนี้
1. พยายามหาสาเหตุ และแก้ไข หรือ หลีกเลี่ยงสาเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด ฝ้า เข้มขึ้น โดย
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ ครีมกันแดด ที่มีค่าป้องกัน (SPF) สูง
- หลีกเลี่ยงการได้รับ ฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด, เครื่องสำอาง ที่มีฮอร์โมนผสมอยู่ หรือมี สารสเตียรอยด์ เป็นส่วนผสม
2. ทำให้ ฝ้า จางลง โดยการใช้ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี โดยไม่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี
3. การขจัด ฝ้า Chemical Peeling, การเร่ง ผลัด เซลล์ผิว ด้วย AHA TRETMENT , dermabrasionและการใช้เครื่องมือ เช่น เลเซอร์ ในรายที่แพทย์เห็นสมควร เช่น การลอกฝ้า
หลายๆคน คงมีคำถามในใจ นะคะ ว่า ฝ้า รักษาหายได้หรือไม่ ?
คำตอบ ก็คือ ผลการรักษา ฝ้า ขึ้นกับ สาเหตุและชนิดของฝ้า ฝ้า ที่เกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด หรือ ยากันชัก ถ้าหยุดยา ฝ้า จะค่อย ๆ จางหายไป เช่นเดียวกับ ฝ้า ที่เกิดระหว่างตั้งครรภ์ แต่บางรายอาจหายไม่หมด เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิด ฝ้า ได้ ฝ้า ชนิดลึก จะรักษายากกว่า ฝ้า ชนิดตื้น การหลีกเลี่ยงแสงแดด ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ ฝ้า หายเร็วขึ้น
ทราบคำตอบแล้ว อย่าเพิ่งท้อ หรือ หมดกำลังใจ ในการรักษา ฝ้า นะคะ เพราะ ถึงแม้ว่า ฝ้า อาจจะไม่หายขาด แต่เราก็สามารถรักษา ฝ้า ให้จางลงได้ ค่ะ
กระแดดและกระเนื้อ
รักษากระ ไม่ยากอย่างที่คิด
กระ พอแบ่งคร่าวๆ ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กระแดด (Freckles) และกระเนื้อ (Seborrheic Keratosis)
กระแดด มีสาเหตุจาก แสงแดด ความร้อน และ ฮอร์โมน นอกจากนี้คนที่รับประทานยาคุมกำเนิด หรือ ฮอร์โมน ทดแทนในวัยทอง หรือใช้ ครีมบำรุง ที่มีส่วนผสมของ ฮอร์โมน มีโอกาสที่จะเกิด กระแดด ได้ง่าย
การรักษา จึงควรเริ่มจากการป้องกันปัจจัยที่กล่าวถึงโดยทาครีมกันแดดที่มีค่าSPF อย่างน้อย 15 ให้ติดเป็นนิสัย หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน การรับประทานยาหรือใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนโดยไม่จำเป็น ขณะเดียวกันในส่วนที่เป็นแล้วอาจจี้ออกโดยการแต้มน้ำกรดอ่อนๆ ร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์ยับยั่งการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไปอย่างกรดอะเซเลอิก (Azelaic Acid)กรดโคจิก (Kojic Acid) อาร์บูติน (Arbutin)กระตุ้นการหลุดลอกของเซลล์เก่าๆ และ รอยดำ ก็จะเห็นผลได้เร็วขึ้น
กระเนื้อ มีลักษณะ เป็น ติ่งเนื้อ นูนขึ้นมา ดูไม่เรียบ ถ่ายทอดทาง พันธุกรรม จึงมักพบในครอบครัวเดียวกัน และ ยังเพิ่มจำนวนขึ้นเมื่อสัมผัสกับ แสงแดด และ อายุมากขึ้น
การรักษา รักษาได้ง่ายโดยการจี้ออกด้วยน้ำกรดอ่อนๆ เลเซอร์ หรือเครื่องจี้ไฟฟ้า
จุดด่างดำประเภทต่างๆ
จุดด่างดำ เกิดจากการผลิตเม็ดสีของผิวคนเราเอง โดยเป็นภาวะที่ผิวหนังทำหน้าที่รักษาอาการบาดเจ็บในบริเวณที่เป็นสิว เพราะผิวหนังจะตอบสนองต่อสิวเหมือนกับเวลาเราเป็นแผลอักเสบซ้ำๆ ในขั้นตอนที่ผิวทำการรักษาแผลจากสิวนั้นเมลาโนไซท์ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานินจะมีจำนวนมากขึ้นและแพร่ไปยังเซลล์ผิวรอบๆยิ่งการอักเสบนั้นกระจายลงไปถึงผิวชั้นหนังแท้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เม็ดสีผิวที่เข้มและกระจายเป็นวงกว้างขึ้น รวมไปถึงอาจเกิดการปรับเปลี่ยนการทำงานของภูมิคุ้มกันระดับเซลล์จนทำให้เกิดรอยแดงรอยดำขนาดใหญ่
กระนอกจากจะเกิดจากกรรมพันธุ์ส่วนหนึ่งแล้ว ยังเป็นกระบวนการป้องกันตนเองของผิวหนังอีกเช่นกันมีสาเหตุมาจากเซลล์สร้างเม็ดสีนั้นมากกว่าปกติเมื่อถูกแสงแดดส่งผลให้เกิดจุดสีเข้มเล็กๆกระจายอยู่ทั่วไปบนใบหน้าในชั้นหนังกำพร้าผิวหนังจะสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มมากขึ้นเพื่อปกป้องเซลล์ผิวและอวัยวะสำคัญเอาไว้โดยปกติเมลานินจะถูกส่งไปที่ผิวชั้นนอกของเซลล์และถูกผลัดออกไปเรื่อยๆ ตามการผลัดเซลล์ผิวธรรมชาติแต่หากสั่งสมเป็นจำนวนมาก ก็จะเกิดเป็นรอยกระบนในหน้าอย่างถาวรรวมทั้งความเครียดที่ทำให้กระบวนการเผาผลาญในร่างกายผิดปกติก็จะทำให้เม็ดสีผิวนั้นไม่ถูกผลัดออกไปและสะสมกันอยู่จนมองเห็นได้ชัดเจน
ฝ้ามีสาเหตุมาจากการเผชิญหน้ากับแสงแดดจนได้รับรังสี UVA และ UVB จัดๆติดต่อกันเป็นเวลานานมีอนุมูลอิสระในร่างกายที่เพิ่มขึ้นการกินยาคุมกำเนิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศโดยฝ้าจะเริ่มตั้งแต่มีสีน้ำตาลอ่อนๆไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มเมื่ออายุมากขึ้นจะมีความเสี่ยงในการเกิดฝ้ามากขึ้นเนื่องจากกระบวนการทำงานของผิวหนังด้อยลงผิวหนังจึงอ่อนแอทำให้กระบวนการทำงานของผิวเสียสมดุลจนนำไปสู่การผลิตเม็ดสีผิวที่ผิดปกติเกิดเป็นฝ้าในที่สุด
สาเหตุหลักของการเกิดจุดด่างดำบนผิวหน้าทั้ง 3ประการอันได้แก่รอยดำจากสิว กระ และฝ้านั้นอาจแตกต่างกันไป แต่ก็ล้วนมาจากปัจจัยที่ว่าการดูแลผิวพรรณที่ไม่เพียงพอ หรือไม่ถูกวิธีดังนั้นการปกป้องผิวหน้าที่ดีนั้นเราจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดและส่วนประกอบที่มีส่วนช่วยในการลดเลือนปัญหาจุดด่างดำค่ะ
ในปัจจุบันทางเลือกในการจัดการกับจุดด่างดำบนผิวหน้านั้นมีมากมายไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงที่ผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์สาวๆได้ทุกสภาพผิวให้สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการการเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังหรือการทำสวยแบบไม่ต้องรออย่างศัลยกรรมที่มีกันอยู่ทั่วไปเรามาดูกันสิว่าทางเลือกไหนเหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการขจัดปัญหาของจุดด่างดำให้หมดไปได้บ้าง
จุดด่างดำที่ถือว่าน่ากลัวที่สุดสำหรับผู้หญิงเห็นทีจะหนีไม่พ้น ฝ้ากระเราควรเริ่มจากการป้องกันซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดโดยเริ่มจากการป้องกันผิวเมื่อถูกแสงแดดโดยตรงต้องทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 เป็นอย่างต่ำหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนการกินยาหรือทายาที่มีส่วนผสมเกี่ยวกับฮอร์โมนเพราะยาเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดการตกกระ
อีกทางเลือกหนึ่งของวิธีรักษากระคือการยิงด้วยเลเซอร์ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ในการรักษากระได้เกือบทั้งหมดการทำเลเซอร์ได้แก่การทำเลเซอร์ลดจำนวนเซลล์สร้างเม็ดสีมีความยาวคลื่นลึงลงไปในชั้นผิวจึงช่วยลดเซลล์สร้างเม็ดสีได้และแก้ปัญหาได้ตรงจุดส่วนการทำเลเซอร์ลดเม็ดสีจะช่วยลดเม็ดสีแบบเฉพาะเจาะจงตรงเม็ดสีที่ผิดปกติหรือมากเกินไปจึงช่วยทำให้จุดด่างดำจางลงสีผิวสว่างขึ้นในการทำเลเซอร์นั้นไม่มีความยุ่งยากและใช้เวลาน้อยในการรักษาซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเจนว่ากระนั้นน้อยลงแต่ต้องแลกด้วยความเจ็บบริเวณผิวหน้าภายหลังการทำเลเซอร์ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูผิวส่งผลให้ผิวบางลงและอ่อนแอไวต่อแสงแดดดังนั้นจึงควรเลือกวิธีในการป้องกันผิวแต่เนิ่นๆด้วยการทาครีมที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันผิวจากแสงแดดและช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี
มาถึงวิธีง่ายๆที่สะดวกในการเลือกซื้อคือการใช้ยาและครีมไวท์เทนนิ่งในการลดรอยดำจากกระและฝ้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือกลุ่มสารไฮโดรควิโนนลดรอยฝ้ากระได้ดีมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิวและป้องกันการสร้างเม็ดสีใหม่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้นกับกลุ่มสารไม่มีไฮโดรควิโนนซึ่งเป็นส่วนผสมของสารสกัดจากพืชและผลไม้สารสกัดจากเปลือกสนหรือมะนาววิตามินซีวิตามินเอและบีเป็นต้นซึ่งสารสกัดเหล่านี้โดยเฉพาะวิตามินซีจากสารสกัดบริสุทธิ์จากมะนาวจะช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนกระจ่างใสรวมทั้งป้องกันไม่ให้ผิวเกิดเป็นฝ้ากระจุดด่างดำอีกด้วย
ด้วยรักและห่วงใยจากเรา
http://fuco-beauty.webiz.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น